| เทคโนโลยีโทรคมนาคม สมัยใหม่ | |
เทคโนโลยีสื่อสารโทร คมนาคมกำลังได้รับความสนใจอย่างยิ่ง การสื่อสารเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่ทันสมัย ขณะเดียวกันพัฒนาการทางเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมก็ได้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกมาก มีการให้บริการระบบสื่อสารสมัยใหม่อยู่มากมาย เทคโนโลยีเหล่านี้จึงได้รับความสนใจ ![]() | |
| การสื่อสารผ่านดาวเทียม (satellite-based communication) เนื่อง จากท้องที่ทางภูมิศาสตร์เต็มไปด้วยภูเขา หุบเขา หรือเป็นเกาะอยู่ในทะเล การสื่อสารที่ดีวิธีหนึ่งคือการใช้ดาวเทียม ดาวเทียมได้รับการส่งให้โคจรรอบโลก โดยมีการเคลื่อนที่ไปพร้อมกับการหมุนของโลก ทำให้ดาวเทียมอยู่ในตำแหน่ง คงที่เมื่อมองจากพื้นโลก ดาวเทียมจะมีเครื่องถ่ายทอดสัญญาณติดตั้งอยู่ การสื่อสารโดยผ่านดาวเทียมจะทำโดยการส่งสัญญาณสื่อสารจากสถานีภาคพื้นดิน แห่งหนึ่งขึ้นไปยังดาวเทียม เมื่อดาวเทียมรับก็จะส่งกลับมายังสถานีภาคพื้นดินอีกแห่งหนึ่งหรือหลายแห่ง เราจึงใช้ดาวเทียมเพื่อแพร่ภาพสัญญาณโทรทัศน์ได้ การรับจะครอบคลุมพื้นที่ที่ดาวเทียมลอยอยู่ ซึ่งจะมีบริเวณกว้างมากและทำได้โดยไม่มีอุปสรรคทางภูมิศาสตร์ เช่น มีแนวเขาบังสัญญาณ ดาวเทียมจึงเป็นสถานีกลางที่ถ่ายทอดสัญญาณจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ ![]() การสื่อสารผ่านดาวเทียม ปัจจุบันประเทศไทยมีดาวเทียมไทยคมสามดวงลอยอยู่เหนือประเทศ ทางด้านมหาสมุทรอินเดียและอ่าวไทย ดาวเทียมไทยคมนี้ใช้ประโยชน์ทางด้านการสื่อสารของประเทศได้มาก เพราะเป็นการให้บริการสื่อสารของประเทศในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่การรับส่งสัญญาณโทรทัศน์ สัญญาณจากวิทยุ สัญญาณข้อมูลข่าวสารต่างๆ ![]() ดาวเทียมไทยคม | |
การ สื่อสารด้วยเส้นใยนำแสง (fiber optic) เส้นใย นำแสงมีลักษณะเป็นท่อแก้วที่อ่อนตัวอยู่ในสายที่หุ้มด้วยพลาสติก ลักษณะของท่อแก้วหุ้มด้วย สารพิเศษที่ทำให้เกิดการหักเหของแสงอยู่ภายในท่อแก้ว ดังนั้นเราสามารถส่งแสงจากปลายด้านหนึ่งให้ไปปรากฏที่ปลายอีกด้านหนึ่งได้ แม้ว่าเส้นใยนำแสงนั้น จะคดงอไปอย่างไรก็ตามก็จะส่งแสงเข้าไปในท่อแก้วได้ เมื่อมีการนำเอาข้อมูลเข้าไปผสมกับแสง เพื่อให้แสงกระพริบตามการเปลี่ยนแปลงของข้อมูล ทำให้เรารับส่งสัญญาณข้อมูลไปกับแสงได้ การรับส่งข้อมูลเข้าไปในแสงทำได้มากและรวดเร็ว ![]() เส้นใยนำแสง ปัจจุบันในประเทศไทยมีการวางเครือข่ายเส้นใยนำแสงไปตามถนนหนทาง ต่างๆ ทั้งใต้ดิน และที่แขวนไปตามเสาไฟฟ้า มีการวางเชื่อมโยงกันระหว่างจังหวัด เพื่อให้ระบบสื่อสารเป็นเสมือนเส้นทางด่วนที่รองรับการสื่อสารของประเทศ | |
โครงข่ายบริการสื่อสารร่วมระบบดิจิทัล (Integrated Service Digital Network : ISDN) ลักษณะเครือข่ายนี้เป็นการขยายการบริการจาก ระบบโทรศัพท์เดิมให้เป็นระบบดิจิทัลคือส่งสัญญาณข้อมูลตัวเลขแทนเสียง แทนภาพ แทนข้อมูล การสื่อสารโครงข่ายบริการสื่อสารร่วมระบบดิจิทัลจึงเน้นการประยุกต์ใช้งาน หลายอย่างบนเครือข่ายเดียวกัน โดยวางฐานขยายจากโทรศัพท์ เช่น ในสายโทรศัพท์เส้นเดียวที่เชื่อมต่อไปยังบ้านเรือนผู้ใช้ สามารถประยุกต์ให้เป็นระบบโทรศัพท์ที่เห็นภาพ ใช้ส่งโทรสาร ใช้เป็นระบบการประชุม ทางวีดิทัศน์ ใช้ในการส่งข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ เพื่อเชื่อมโยงกับระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ การดำเนินการเหล่านี้สามารถทำได้พร้อมกันบนสายสื่อสาร เดียวกันโครงข่ายบริการสื่อสารร่วมระบบดิจิทัลควรได้รับการพัฒนา โดยวางโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมโยงต่างๆ ไว้ให้พร้อม เพื่อรองรับความเร็ว ของการรับส่งข้อมูลได้สูงขึ้น | |
ระบบ เครือข่ายสวิตชิง (switching technology) ด้วย เทคโนโลยีเอทีเอ็มสวิตชิงที่มีความเร็วสูงทำให้การสื่อสารผ่านเส้นใยนำแสงใน การ ส่งผ่านข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทางได้ด้วยความเร็วหลายร้อยเมกะบิตต่อ วินาที เอทีเอ็มสวิตชิงจึงเป็นเทคโนโลยีของการสร้างเครือข่ายข้อมูลข่าวสาร ที่จะรองรับการใช้งานแบบสื่อประสม ปัจจุบันหลายหน่วยงานได้เริ่มใช้เครือข่ายด้วยเทคโนโลยีเอทีเอ็มสวิตชิงภาย ในองค์กรของตนเอง และมีแนวโน้ม การขยายตัวเพื่อรองรับระบบนี้สำหรับเครือข่ายระยะไกลในอนาคตต่อไป | |
| ระบบสื่อสารเคลื่อนที่ (mobile phone system) หรือที่เรียกว่าระบบเซลลูลาร์โฟน (cellular phone system) ที่ใช้กับโทรศัพท์ ทำให้มีโทรศัพท์ติดรถยนต์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ปัจจุบันการสื่อสารระบบนี้เป็นที่แพร่หลายและนิยมใช้กันมาก ลักษณะการทำงานของระบบสื่อสารแบบนี้คือ มีการกำหนดพื้นที่เป็นเซล เหมือนรวงผึ้ง แต่ละเซลจะครอบคลุมพื้นที่บริเวณหนึ่ง มีระบบสื่อสารเชื่อมโยงระหว่างเซลเข้าด้วยกัน ครอบคลุมพื้นที่บริการไว้ทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเราอยู่ที่บริเวณ พื้นที่บริการใด และมีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ สัญญาณจากโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเชื่อมโยงกับสถานีรับส่งประจำเซลขึ้น ทำให้ติดต่อไปยังข่ายสื่อสารที่ใดก็ได้ ครั้นเมื่อเราเคลื่อนที่ออกนอกพื้นที่ก็จะโอนการรับส่งไปยังเซลที่อยู่ข้าง เคียงโดยที่สัญญาณสื่อสารไม่ขาดหาย โทรศัพท์ เคลื่อนที่ | |
ระบบสื่อสารไร้สาย (wireless communication) เป็น เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความสะดวกในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้าสู่เครือข่าย ระบบที่รู้จักและใช้งานกันแพร่หลายคือ ระบบแลนไร้สาย (wireless LAN) เป็นระบบเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ต่างๆ เข้าสู่เครือข่ายด้วยสัญญาณวิทยุ สามารถเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบด้วยความสูงถึง 11 เมกะบิตต่อวินาที ระบบเครือข่ายไร้สายที่รู้จักและนำมาประยุกต์ใช้กันมากอีกระบบหนึ่ง คือ ระบบบลูทูธ (bluetooth) เป็นการเชื่อมโยงอุปกรณ์ต่างๆ เข้าสู่เครือข่ายใน ระยะใกล้ เพื่อลดการใช้สายสัญญาณ และสร้างความสะดวกในการใช้งาน | |
PENEMINT*
วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
เทคโนโลยีโทรคมนาคมสมัยใหม่
fackbook
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แฮ็กเกอร์หนุ่มจากฮาร์วาร์ด ผู้ก่อตั้ง Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่สุดของโลก จนโด่งดังเปรี้ยงปร้างไปทั่ว และได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารไทม์ให้เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก ประจำปี 2008 ขณะอายุเพียง 23 ปี โดยปัจจุบันมีผู้ใช้เฟซบุ๊กมากกว่า 400 ล้านคน นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อ 6 ปีก่อน วันที่ 4 ก.พ. ปี 2004
ย้อน กลับไปในวัยเด็ก "มาร์ค" มีชีวิตแสนจะธรรมดา เขาเกิดในครอบครัวอเมริกันเชื้อสายยิว เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ปี 1984 โตมาในย่าน ดอบส์ เฟอร์รี รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มีพ่อเป็นหมอฟันและนักจิตวิทยา ชีวิตวัยเด็กของเขาค่อนข้างจะสุขสบาย ไม่เคยผ่านความลำบากยากจน เขามีพี่น้อง 4 คน ทว่า เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน เป็นเด็กเรียนเก่งออกแนวเนิร์ดๆ ชอบขลุกอยู่แต่ในห้อง
ไอเดียสำคัญ ที่จุดประกายให้นักศึกษาวิชาคอมพิวเตอร์ วัย 20 ปีคนนี้ ลุกขึ้นทำเฟซบุ๊กเกิดจากความหมกมุ่นอยู่กับเรื่องคอมพิวเตอร์ และการเขียนโปรแกรม จนค้นพบปัญหาว่ามหาวิทยาลัยระดับโลกอย่างฮาร์วาร์ดไม่มีระบบหนังสือรุ่นทาง ออนไลน์ เขาจึงนำไอเดียไปเสนอเพื่อขอจัดทำ แต่กลับถูกมหาวิทยาลัยปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่มีนโยบายให้นักศึกษาเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว
กระนั้น ด้วยความคันไม้คันมือ และอยากเอาชนะ เขาจึงสวมวิญญาณแฮ็กเกอร์เจาะเข้าไปในระบบทะเบียนประวัตินักศึกษาของฮาร์วา ร์ด ดึงรูปนักศึกษาและประวัติส่วนตัวจากฐานข้อมูลมหาวิทยาลัยมาใส่ในเว็บไซต์ Facemash พร้อมกันนี้ยังเชิญชวนเพื่อนๆนักศึกษาเล่นเกม Hot or Not โดยโพสต์รูป นักศึกษาให้เพื่อนๆเข้ามาช่วยกันโหวตว่าใครฮอต หรือไม่ฮอต ผลตอบรับดีเกินคาด เพราะภายในเวลาแค่ 4 ชั่วโมง มีนักศึกษาเข้ามาโหวตถึง 450 คน สร้างสถิติคลิกชม 22,000 ครั้ง แต่แทนที่จะได้รับเสียงชมจากอาจารย์ เขากลับถูกมหาวิทยาลัยลงโทษระงับการใช้อินเตอร์เน็ต
เหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาลุยต่อเพื่อสร้าง Facebook โดยเขานั่งเขียนโปรแกรมอยู่ในหอพักมหาวิทยาลัย และได้รับความช่วยเหลือจากรูมเมต "ดัสติน มาสโควิตซ์" ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊ก และรั้งตำแหน่งวีพีด้านเอนจิเนียริ่ง แรกเริ่มเขาพยายามเชิญชวนเพื่อนๆนักศึกษาส่งรูปและข้อมูลส่วนตัวเข้ามาโพสต์ บนเว็บไซต์ ซึ่งมีคนส่งรูปเข้ามาถึง 500 รูป ต่อมาได้พัฒนาโปรแกรมโดยสร้างเว็บเพจให้ เพื่อนร่วมชั้นสามารถส่งอีเมล์เข้ามาช่วยกันเขียนความคิดเห็น และเพิ่มเติม ประวัติได้อย่างไม่จำกัด ปรากฏว่าได้รับการตอบรับอย่างดีจากเว็บไซต์ เพื่อสร้างสัมพันธ์ในหมู่นักศึกษาฮาร์วาร์ด จึงขยายความฮิตฮอตไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆกว่า 30 สถาบัน
ชีวิตของเขา ต้องมาถึงทางแยก เมื่อเขากับเพื่อนๆชวนกันเดินทางไปดูลาดเลาที่พาโล อัลโต ซึ่งเป็นซิลิคอน วัลเลย์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อหาเงินลงทุนก่อตั้งบริษัท และพัฒนาเว็บไซต์ ตอนนั้น พวกเขายังมีแผนจะกลับมาเรียนต่อในช่วงเปิดเทอม แต่ท้ายสุด เมื่อได้รับไฟเขียวอนุมัติเงินลงทุนถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภาพของ "บิลล์ เกตส์" ผู้สร้างตำนานลาออกจากฮาร์วาร์ด เพื่อมาสร้างไมโครซอฟท์ จึงผุดขึ้นตรงหน้า ทำให้ตัดสินใจทิ้งปริญญา และบอกกับตัวเองว่า ถ้าไมโครซอฟท์เจ๊งเมื่อไหร่...จะกลับไปเรียนฮาร์วาร์ดทันที!!
เทคโนโลยีสารสนเทศ
บท บาท ความ สำคัญ ของ เทคโนโลยี สารสนเทศ ความ ก้าว หน้า ทาง ด้าน วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี ทำ ให้ มี การ พัฒนา คิด ค้น สิ่ง อำนวย ความ สะดวก สบาย ต่อ การ ดำ ชีวิต เป็น อัน มาก เทคโนโลยี ได้ เข้า มา เสริม ปัจจัย พื้น ฐาน การ ดำรง ชีวิต ได้ เป็น อย่าง ดี เทคโนโลยี ทำ ให้ การ สร้าง ที่ พัก อาศัย มี คุณภาพ มาตรฐาน สามารถ ผลิต สินค้า และ ให้ บริการ ต่าง ๆ เพื่อ ตอบ สนอง ความ ต้อง การ ของ มนุษย์ มาก ขึ้น เทคโนโลยี ทำ ให้ ระบบ การ ผลิต สามารถ ผลิต สินค้า ได้ เป็น จำนวน มาก มี ราคา ถูก ลง สินค้า ได้ คุณภาพ เทคโนโลยี ทำ ให้ มี การ ติดต่อ สื่อ สาร กัน ได้ สะดวก การ เดินทาง เชื่อม โยง ถึง กัน ทำ ให้ ประชากร ใน โลก ติดต่อ รับ ฟัง ข่าว สาร กัน ได้ ตลอด เวลา พัฒนา การ ของ เทคโนโลยี ทำ ให้ ชีวิต ความ เป็น อยู่ เปลี่ยน ไป มาก ลอง ย้อน ไป ใน อดีต โลก มี กำ เนิน มา ประมาณ 4600 ล้าน ปี เชื่อ กัน ว่า พัฒนา การ ตาม ธรรมชาติ ทำ ให้ เกิด สิ่ง มี ชีวิต ถือ กำ เนิน บน โลก ประมาณ 500 ล้าน ปี ที่ แล้ว ยุค ไดโนเสาร์ มี อายุ อยู่ ใน ช่วง 200 ล้าน ปี สิ่ง มี ชีวิต ที่ เป็น เผ่า พันธุ์ มนุษย์ ค่อย ๆ พัฒนา มา คาด คะเน ว่า เมื่อ ห้า แสน ปี ที่ แล้ว มนุษย์ สามารถ ส่ง สัญญาณ ท่า ทาง สื่อ สาร ระหว่าง กัน และ พัฒนา มา เป็น ภาษา มนุษย์ สามารถ สร้าง ตัว หนังสือ และ จารึก ไว้ ตาม ผนึก ถ้ำ เมื่อ ประมาณ 5000 ปี ที่ แล้ว กล่าว ได้ ว่า มนุษย์ ต้อง ใช้ เวลา นาน พอ สมควร ใน การ พัฒนา ตัว หนังสือ ที่ ใช้ แทน ภาษา พูด และ จาก หลักฐาน ทาง ประวัติศาสตร์ พบ ว่า มนุษย์ สามารถ จัด พิมพ์ หนังสือ ได้ เมื่อ ประมาณ 5000 ปี ที่ แล้ว กล่าว ได้ ว่า ฐาน ทาง ประวัติ ศาสตร์ พบ ว่า มนุษย์ สามารถ จัด พิมพ์ หนังสือ ได้ เมื่อ ประมาณ 500 ถึง 800 ปี ที่ แล้ว เทคโนโลยี เริ่ม เข้า มา ช่วย ใน การ พิมพ์ ทำ ให้ การ สื่อสาร ด้วย ข้อ ความ และ ภาษา เพิ่ม ขึ้น มาก เทคโนโลยี พัฒนา มา จน ถึง การ สื่อสาร กัน โดย ส่ง ข้อ ความ เป็น เสียง ทาง สาย โทรศัพท์ ได้ ประมาณ ร้อย กว่า ปี ที่ แล้ว และ เมื่อ ประมาณ ห้า สิบ ปี ที่ แล้ว ก็ มี การ ส่ง ภาพ โทรทัศน์ และ คอมพิวเตอร์ ทำ ให้ มี การ ใช้ สารสนเทศ ใน รูป แบบ ข่าว สาร มาก ขึ้น ใน ปัจจุบัน มี สถาน ที่ วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือ พิมพ์ แ ละ สื่อ ต่าง ๆ ที่ ใช้ ใน การก ระ จ่าย ข่าว สาร มี การ แพร่ ภาพ ทาง โทรทัศน์ ผ่าน ดาว เทียม เพื่อ รายงาน เหตุการณ์ สด เห็น ได้ ชัด ว่า เทคโนโลยี ได้ เข้า มา มี บท บาท อย่าง มาก บท บาท ของ การ พัฒนา เทคโนโลยี รวด เร็ว ขึ้น เมื่อ มี การ พัฒนา อุปกรณ์ ทาง ด้าน คอมพิวเตอร์ และ ส่วน ประกอบ จะ เห็น ได้ ว่า ใน ช่วง สี่ ห้า ปี ที่ ผ่าน มา จะ มี ผลิต ภัณฑ์ ใหม่ ซึ่ง มี คอมพิวเตอร์ เข้า ไป เกี่ยว ข้อง ให้ เห็น อยู่ ตลอด เวลา
รูป แสดง การ ติดต่อ สื่อ สาร ผ่าน ดาว เทียม นักเรียน ลอง จินตนา การ ดู ว่า นักเรียน เกี่ยว ข้อง กับ เทคโนโลยี ด้าน ใด บ้าง จาก ตัวอย่าง ต่อ ไป นี้ เมื่อ ตื่น นอน นักเรียน อาจ ได้ ยิน เสียง จาก วิทยุ ซึ่ง กระจาย เสียง ข่าว สาร หรือ เพลง ไป ทั่ว นักเรียน ใช้ โทรศัพท์ สื่อสาร กับ เพื่อน ดู รายการ ทีวี วี ดี โอ เมื่อ มา โรง เรียน เดินทาง ผ่าน ถนน ที่ มี ระบบ ไฟ สัญญาณ ที่ ควบ คุม ด้วย คอมพิวเตอร์ ถ้า ไป ศูนย์ การ ค้า ขึ้น ลิฟต์ ขึ้น บันได เลื่อน ซึ่ง ควบ คุม การ ทำ งาน ด้วย คอมพิวเตอร์ ที่ บ้าน นักเรียน นักเรียน อาจ อยู่ ใน ห้อง ที่ มี เครื่อง ปรับ อากาศ ที่ ควบ คุม อุณหภูมิ โดย อัตโนมัติ คุณ แม่ ทำ อาหาร ด้วย เตา อบ ซึ่ง ควบ คุม ด้วย ระบบ คอมพิวเตอร์ ซัก ผ้า ด้วย เครื่อง ซัก ผ้า จะ เห็น ว่า ชีวิต ใน ปัจจุบัน เกี่ยว ข้อง กับ เทคโนโลยี เป็น อัน มาก อุปกรณ์ เหล่า นี้ ส่วน ใหญ่ ใช้ ระบบ คอมพิวเตอร์ เป็น ส่วน ประกอบ ใน การ ทำ งาน 
รูป แสดง เครื่อง อำนวย ความ สะดวก ภาย ใน บ้าน ใน อดีต ยุค ที่ มนุษย์ ยัง เร่ ร่อน มี อาชีพ เกษตรกรรม ล่า สัตว์ ต่อ มา มี การ รวม ตัว กัน สร้าง เมือง และ สังคม เมือง ทำ ให้ เกิด อุตสาหกรรม การ ผลิต การ ผลิต ทำ ให้ เกิด การ ปฏิวัติ ทาง อุตสาหกรรม ที่ เน้น การ ผลิต จำนวน มาก สังคม จึง เป็น สังคม เมือง ที่ มี อุตสาหกรรม เข้า มา เกี่ยว ข้อง แต่ หลังจาก ปี พ.ศ. 2530 เป็น ต้น มา ระบบ สื่อสาร โทร คมนาคม และ คอมพิวเตอร์ ก้าว หน้า มาก ทำ ให้ เกิด การ เปลี่ยน แปลง เข้า สู่ ยุค สังคม สารสนเทศ ชีวิต ความ เป็น อยู่ เกี่ยว ข้อง กับ ข้อ มูล ข่าว สาร จำนวน มาก การ สื่อสาร โทรคมนาคม กระจาย ทั่ว ถึง ทำ ให้ ข่าว สาร แพร่ กระ จ่าย ไป อย่าง รวด เร็ว สังคม ใน ปัจจุบัน เป็น สังคม ไร้ พรม แดน เพราะ เรื่อง ราว ของ ประเทศ หนึ่ง สามารถ กระจาย แพร่ ออก ไป ยัง ประเทศ ต่าง ๆ ได้ อย่าง รวด เร็ว
นิยาม เกี่ยว กับ เทคโนโลยี สารสนเทศ คำ ว่า เทคโนโลยี หมาย ถึง การ ประยุกต์ เอา ความ รู้ ทาง ด้าน วิทยา ศาสตร์ มา ใช้ ให้ เกิด ประโยชน์ การ ศึกษา พัฒนา องค์ ความ รู้ ต่าง ๆ ก็ เพื่อ ให้ เข้า ใจ ธรรมชาติ กฎ เกณฑ์ ของ สิ่ง ต่าง ๆ และ หา ทาง นำ มา ประยุกต์ ให้ เกิด ประโยชน์ เทคโนโลยี จึง เป็น ค้า ที่ มี ความ หมาย กว้าง ไกล เป็น คำ ที่ เรา ได้ พบ เห็น และ ได้ ยิน อยู่ ตลอด มา ลอง นึก ดู ว่า ทราย ที่ เรา เห็น อยู่ บน พื้น ดิน ตาม ชาย หาด ชาย ทะเล เป็น สาร ประกอบ ของ ซิ ลิ กอ น ทราย เหล่า นั้น มี ราคา ต่ำ และ เรา มอง ข้าม ไป ครั้ง มี บาง คน ที่ เรียน รู้ วิธี การ แยก สกัด เอา สาร ซิ ลิ กอ น ให้ บริสุทธิ์ และ เจือ สาร บาง อย่าง ให้ เกิด เป็น สิ่ง ที่ เรียก ว่า สาร กึ่ง ตัว นำ นำ มา ผลิต เป็น ทรานซิสเตอร์ และ ไอ ซี (Integrated Circuit : IC) ไอ ซี นี้ เป็น อุปกรณ์ ที่ รวม วงจร อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน มาก ไว้ ด้วย กัน ใช้ เป็น ชิ พ ซึ่ง เป็น ส่วน สำคัญ ของ คอมพิวเตอร์ สาร ซิ ลิ กอ น ดัง กล่าว เมื่อ ผ่าน กรรมวิธี ทาง เทคโนโลยี แล้ว จะ มี ราคา สูง สามารถ นำ มา ขาย ได้ เงิน เป็น จำนวน มาก ดัง นั้น เทคโนโลยี จึง เป็น หัวใจ ของ การ สร้าง มูล ค่า เพิ่ม ให้ กับ สินค้า และ ผลิต ภัณฑ์ ต่าง ๆ เพราะ เรา นำ เอา วัตถุ ดิบ มา ผ่าน เท คนิ ค การ ดำเนิน การ จะ ได้ วัตถุ สำเร็จ รูป สินค้า เหล่า นี้ จะ มี มูล ค่า เพิ่ม จาก วัตถุ ดิบ นั้น มาก ประเทศ ใด มี เทคโนโลยี มาก มัก จะ เป็น ประเทศ ที่ พัฒนา แล้ว เทคโนโลยี จึง เป็น หา ทาง ที่ จะ ช่วย ใน การ พัฒนา ให้ สินค้า และ บริการ มี มูล ค่า เพิ่ม ขึ้น ทุก ประเทศ จึง ให้ ความ สำคัญ ของ การ ใช้ วิทยา ศาสตร์ และ เทคโนโลยี เข้า มา ช่วย งาน ด้าน ต่าง ๆ ส่วน คำ ว่า สารสนเทศ หมาย ถึง ข้อ มูล ที่ เป็น ประโยชน์ ต่อ การ ดำเนิน ชีวิต ของ มนุษย์ มนุษย์ แต่ ละ คน ตั้งแต่ เกิด มา ได้ เรียน รู้ สิ่ง ต่าง ๆ เป็น จำนวน มาก เรียน รู้ สภาพ สังคม ความ เป็น อยู่ กฎ เกณฑ์ และ วิชาการ ลอง จินตนา การ ดู ว่า ภาย ใน สมอง ของ เรา เก็บ ข้อ มูล อะไร บ้าง เรา คง ตอบ ไม่ ได้ แต่ สามารถ เรียก เอา ข้อ มูล มา ใช้ ได้ ข้อ มูล ที่ เก็บ ไว้ ใน สมอง เป็น สิ่ง ที่ สะสม กัน มา เป็น เวลา นาน ความ รอบ รู้ ของ แต่ ละ คน จึง ขึ้น อยู่ กับ การ เรียก ใช้ ข้อ มูล นั้น ดัง นั้น จะ เห็น ได้ ชัด ความ รู้ เกิด จาก ข้อ มูล ข่าว สาร ต่าง ๆ ทุก วัน นี้ มี ข้อ มูล รอบ ตัว เรา มาก ข้อ มูล เหล่า นี้ มา จาก สื่อ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือ พิมพ์ เครือ ข่าย คอมพิวเตอร์ หรือ แม้ แต่ การ สื่อสาร ระหว่าง บุคคล จึง มี ผู้ กล่าว ว่า ยุค นี้ เป็น ยุค ของ สารสนเทศ
รูป แสดง สื่อ ที่ ช่วย ใน การ รับ ส่ง ข้อ มูล ภาย ใน สมอง มนุษย์ ซึ่ง เป็น ที่ เก็บ ข้อ มูล ไว้ มาก มาย จะ มี ข้อ จำกัด ใน การ จัด เก็บ การ เรียก ใช้ การ ประมวล ผล และ การ คิด คำนวณ ดัง นั้น จึง มี ผู้ พยายาม สร้าง เครื่อง จักร เครื่อง มือ เพื่อ ดำเนิน การ เกี่ยว กับ การ จัด การ สารสนเทศ เช่น เครื่อง คอมพิวเตอร์ ซึ่ง สามารถ เก็บ ข้อ มูล ไว้ ใน หน่วย ความ จำ ได้ มาก สามารถ ให้ ข้อ มูล ได้ แม่น ยำ และ ถูก ต้อง เมื่อ มี การ เรียก ค้น หา ทำงาน ได้ ตลอด วัน ไม่ เหน็ด เหนื่อย และ ยัง ส่ง ข้อ มูล ไป ได้ ไกล และ รวด เร็ว มาก เครื่อง จักร อุปกรณ์ ที่ เกี่ยว กับ สารสนเทศ นั้น มี มาก มาย ตั้งแต่ เครื่อง คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ รอบ ข้าง ระบบ สื่อสาร โทรคมนาคม สมัย ใหม่ ทำ ให้ เกิด งาน บริการ ที่ อำนวย ความ สะดวก ต่าง ๆ ใน ชีวิต ประจำ วัน เช่น การ ฝาก ถอน เงิน ผ่าน เครื่อง เอ ที เอ็ม (Automatic Teller Machine : ATM) การ จอง ตั๋ว ดู ภาพยนตร์ การ ลง ทะเบียน เรียน ใน โรง เรียน เมื่อ รวม คำ ว่า เทคโนโลยี กับ สารสนเทศ เข้า ด้วย กัน จึง หมาย ถึง เทคโนโลยี ที่ ใช้ จัด การ สารสนเทศ เป็น เทคโนโลยี ที่ เกี่ยว ข้อง ตั้งแต่ การ รวบ รวม การ จัด เก็บ ข้อ มูล การ ประมวล ผล การ พิมพ์ การ สร้าง รายงาน การ สื่อ สาร ข้อ มูล ฯลฯ เทคโนโลยี สารสนเทศ จะ รวม ไป ถึง เทคโนโลยี ที่ ทำ ให้ เกิด ระบบ การ ให้ บริการ การ ใช้ และ การ ดูแล ข้อ มูล เทคโนโลยี สารสนเทศ จึง มี ความ หมาย ที่ กว้าง ขวาง มาก นักเรียน จะ ได้ พบ กับ สิ่ง รอบ ๆ ตัว ที่ เกี่ยว กับ การ ใช้ สารสนเทศ อยู่ มาก ดัง นี้
ลักษณะ สำคัญ ของ เทคโนโลยี สารสนเทศ โดย พื้น ฐาน ของ เทคโนโลยี ย่อม มี ประโยชน์ ต่อ การ พัฒนา ประเทศ ชาติ ให้ เจริญ ก้าว หน้า ได้ แต่ เทคโนโลยี สารสนเทศ เป็น เรื่อง ที่ เกี่ยว ข้อง กับ วิถี ความ เป็น อยู่ ของ สังคม สมัย ใหม่ อยู่ มาก ลักษณะ เด่น ที่ สำคัญ ของ เทคโนโลยี สารสนเทศ มี ดัง นี้
ผล ของ เทคโนโลยี สารสนเทศ การ กำเนิด ของ คอมพิวเตอร์ เมื่อ ประมาณ ห้า สิบ กว่า ปี ที่ แล้ว เป็น ก้าว สำคัญ ที่ นำ ไป สู่ ยุค สารสนเทศ ใน ช่วง แรก มี การ นำ เอา คอมพิวเตอร์ มา ใช้ เป็น เครื่อง คำนวณ แต่ ต่อ มา ได้ มี ความ พยายาม พัฒนา ให้ คอมพิวเตอร์ เป็น อุปกรณ์ สำคัญ สำหรับ การ จัด การ ข้อ มูล เมื่อ เทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์ ได้ ก้าว หน้า มาก ขึ้น ทำ ให้ สามารถ สร้าง คอมพิวเตอร์ ที่ มี ขนาด เล็ก ลง แต่ ประสิทธิภาพ สูง ขึ้น สภาพ การ ใช้ งาน จึง ใช้ งาน กัน อย่าง แพร่ หลาย ผล ของ เทคโนโลยี สารสนเทศ ที่ มี ต่อ ชีวิต ความ เป็น อยู่ และ สังคม จึง มี มาก มี การ เรียน รู้ และ ใช้ สารสนเทศ กัน อย่าง กว้าง ขวาง ผล ของ เทคโนโลยี สารสนเทศ โดย รวม กล่าว ได้ ดัง นี้ เทคโนโลยี สารสนเทศ มี ผล เกี่ยว ข้อง กับ ทุก เรื่อง ใน ชีวิต ประจำ วัน บท บาท เหล่า นี้ มี แนว โน้ม ที่ สำคัญ มาก ยิ่ง ขึ้น ด้วย เหตุ นี้ เยาวชน คน รุ่น ใหม่ จึง ควร เรียน รู้ และ เข้า ใจ เกี่ยว กับ เทคโนโลยี สารสนเทศ เพื่อ จะ ได้ เป็น กำลัง สำคัญ ใน การ พัฒนา เทคโนโลยี สารสนเทศ ให้ ก้าว หน้า และ เกิด ประโยชน์ ต่อ ประเทศ ต่อ ไป
รูป
นิยาม
รูป- การ
เก็บ รวบ รวม ข้อ มูล เป็น วิธี การ รวบ รวม ข้อ มูล เข้า สู่ ระบบ นักเรียน อาจ เห็น พนักงาน การ ไฟฟ้า ไป ที่ บ้าน พร้อม เครื่อง คอมพิวเตอร์ ขนาด เล็ก เพื่อ บันทึก ข้อ มูล การ ใช้ ไฟฟ้า ใน การ สอบ แข่ง ขัน ที่ มี ผู้ สอบ จำนวน มาก ก็ มี การ ใช้ ดินสอ ระบาย ตาม ช่อง ที่ เลือก ตอบ เพื่อ ให้ เครื่อง อ่าน เก็บ รวบ รวม ข้อ มูล ได้ เมื่อ ไป ซื้อ สินค้า ที่ ห้าง สรรพสินค้า ก็ มี การ ใช้ รหัส แท่ง (bar code) พนักงาน จะ นำ สินค้า ผ่าน การ ตรวจ ของ เครื่อง เพื่อ อ่าน ข้อ มูล การ ซื้อ สินค้า ที่ บรรจุ ใน รหัส แท่ง เมื่อ ไป ที่ ห้อง สมุด ก็ พบ ว่า หนังสือ มี รหัส แท่ง เช่น เดียว กัน การ ใช้ รหัส แท่ง นี้ เพื่อ ให้ ง่าย ต่อ การ เก็บ รวบ รวม wbr >wb - การ
ประมวล ผล ข้อ มูล ที่ เก็บ มา ได้ มัก จะ เก็บ ใน สื่อ ต่าง ๆ เช่น แผ่น บันทึก แผ่น ซี ดี หรือ เทป เป็น ต้น ข้อ มูล เหล่า นี้ จะ ถูก นำ มา ประมวล ผล ตาม ต้อง การ เช่น แยก แยะ ข้อ มูล เป็น กลุ่ม เรียง ลำดับ ข้อ มูล คำนวณ หรือ จัด การ คัด แยก ข้อ มุ ล ที่ จัด เก็บ นั้น
รูปแสดง การ ประมวล ผล ให้ ออก มา ใน รูป เอกสาร - การ
แสดง ผลลัพธ์ อุปกรณ์ ที่ ใช้ เทคโนโลยี ใน การ แสดง ผลลัพธ์ มี มาก สามารถ แสดง เป็น ตัว หนังสือ เป็น รูป ภาพ ตลอด จน พิมพ์ ออก มา ที่ กระดาษ การ แสดง ผลลัพธ์ มี ทั้ง ที่ แสดง เป็น ภาพ เป็น เสียง เป็น วีดิทัศน์ เป็น ต้น
รูปแสดง การ แสดง ผล ลัพท์ ทาง หน้า จอ คอมพิวเตอร์ - การ
ทำ สำเนา เมื่อ มี ข้อ มูล ที่ จัด เก็บ ใน สื่อ อิเล็กทรอนิกส์ ต่าง ๆ การ ทำ สำเนา จะ ทำ ได้ ง่าย และ ทำ ได้ เป็น จำนวน มาก ดัง นั้น อุปกรณ์ ช่วย ใน การ ทำ สำเนา จัด ได้ ว่า เป็น เทคโนโลยี สารสนเทศ ที่ มี การ พัฒนา มา อย่าง ต่อ เนื่อง เรา มี เครื่อง พิมพ์ เครื่อง ถ่าย เอกสาร อุปกรณ์ การ เก็บ ข้อ มูล ทาง อิเล็กทรอนิกส์ เช่น จาน บันทึก ซีดีรอม ซึ่ง สามารถ ทำ สำเนา ได้ เป็น จำนวน มาก - การ
สื่อสาร โทรคมนาคม เป็น วิธี การ ที่ จะ ส่ง จาก ที่ หนึ่ง ไป ยัง อีก ที่ หนึ่ง หรือ กระจาย ออก ไป ยัง ปลาย ทาง ครั้ง ละ มาก ๆ ปัจจุบัน มี อุปกรณ์ ระบบ สื่อสาร โทรคมนาคม หลาย ประเภท ตั้งแต่ โทรเลข โทรศัพท์ เส้น ใย นำ แสง เคเบิล ใต้ น้ำ คลื่น วิทยุ ไมโครเวฟ ดาว เทียม เป็น ต้น
ลักษณะ
- เทคโนโลยี
สารสนเทศ ช่วย เพิ่ม ผล ผลิต ลด ต้น ทุน และ เพิ่ม ประสิทธิภาพ ใน การ ทำงาน ใน การ ประกอบ การ ทาง ด้าน เศรษฐกิจ การ ค้า และ การ อุตสาหกรรม จำเป็น ต้อง หา วิธี ใน การ เพิ่ม ผล ผลิต ลด ต้น ทุน และ เพิ่ม ประสิทธิภาพ ใน การ ทำ งาน คอมพิวเตอร์ และ ระบบ สื่อสาร เข้า มา ช่วย ทำ ให้ เกิด ระบบ อัตโนมัติ เรา สามารถ ฝาก ถอน เงิน สด ผ่าน เครื่อง เอ ที เอ็ม ได้ ตลอด เวลา ธนาคาร สามารถ ให้ บริการ ได้ ดี ขึ้น ทำ ให้ การ บริการ โดย รวม มี ประสิทธิภาพ ใน ระบบ การ จัด การ ทุกแห่ง ต้อง ใช้ ข้อ มูล เพื่อ การ ดำเนิน การ และ การ ตัดสิน ใจ ระบบ ธุรกิจ จึง ใช้ เครื่อง มือ เหล่า นี้ ช่วย ใน การ ทำ งาน เช่น ใช้ ใน ระบบ จัด เก็บ เงิน สด จอง ตั๋ว เครื่อง บิน เป็น ต้น - เทคโนโลยี
สารสนเทศ เปลี่ยน รูป แบบ การ บริการ เป็น แบบ กระจาย เมื่อ มี การ พัฒนา ระบบ ข้อ มูล และ การ ใช้ ข้อ มูล ได้ ดี การ บริการ ต่าง ๆ จึง เน้น รูป แบบ การ บริการ แบบ กระจาย ผู้ ใช้ สามารถ สั่ง ซื้อ สินค้า จาก ที่ บ้าน สามารถ สอบ ถาม ข้อ มุ ล ผ่าน ทาง โทรศัพท์ นิสิต นักศึกษา บาง มหาวิทยาลัย สามารถ ใช้ คอมพิวเตอร์ สอบ ถาม ผล สอบ จาก ที่ บ้าน ได้ - เทคโนโลยี
สารสนเทศ เป็น สิ่ง ที่ จำ เป็น สำหรับ การ ดำเนิน การ ใน หน่วย งาน ต่าง ๆ ปัจจุบัน ทุก หน่วย งาน ต่าง พัฒนา ระบบ รวบ รวม จัด เก็บ ข้อ มูล เพื่อ ใข้ ใน องค์การ ประเทศ ไทย มี ระบบ ทะเบียน ราษฎร์ ที่ จัด ทำ ด้วย ระบบ ระบบ เวช ระเบียน ใน โรง พยาบาล ระบบ การ จัด เก็บ ข้อ มูล ภาษี ใน องค์การ ทุก ระดับ เห็น ความ สำคัญ ที่ จะ นำ เทคโนโลยี สารสนเทศ มา ใช้ - เทคโนโลยี
สารสนเทศ เกี่ยว ข้อง กับ คน ทุก ระดับ พัฒนา การ ด้าน เทคโนโลยี สารสนเทศ ทำ ให้ ชีวิต ความ เป็น อยู่ ของ คน เกี่ยว ข้อง กับ เทคโนโลยี ดัง จะ เห็น ได้ จาก การ พิมพ์ ด้วย คอมพิวเตอร์ การ ใช้ ตาราง คำนวณ และ ใช้ อุปกรณ์ สื่อสาร โทรคมนาคม แบบ ต่าง ๆ เป็น ต้น
ผล
- การ
สร้าง เสริม คุณภาพ ชีวิต ที่ ดี ขึ้น สภาพ ความ เป็น อยู่ ของ สังคม เมือง มี การ พัฒนา ใช้ ระบบ สื่อสาร โทรคมนาคม เพื่อ ติดต่อ สื่อ สาร ให้ สะดวก ขึ้น มี การ ประยุกต์ มา ใช้ กับ เครื่อง อำนวย ความ สะดวก ภาย ใน บ้าน เช่น ใช้ ควบ คุม เครื่อง ปรับ อากาศ ใช้ ควม คุม ระบบ ไฟฟ้า ภาย ใน บ้าน เป็น ต้น - เสริม
สร้าง ความ เท่า เทียม ใน สังคม และ การ กระจาย โอกาส เทคโนโลยี สารสนเทศ ทำ ให้ เกิด การ กระจาย ไป ทั่ว ทุก หน แห่ง แม้ แต่ ถิ่น ทุรกันดาร ทำ ให้ มี การ กระจาย โอ การ การ เรียน รู้ มี การ ใช้ ระบบ การ เรียน การ สอน ทาง ไกล การ กระจาย การ เรียน รู้ ไป ยัง ถิ่น ห่าง ไกล นอกจาก นี้ ใน ปัจจุบัน มี ความ พยายาม ที่ ใช้ ระบบ การ รักษา พยาบาล ผ่าน เครือ ข่าย สื่อ สาร - สารสนเทศ
กับ การ เรียน การ สอน ใน โรง เรียน การ เรียน การ สอน ใน โรง เรียน มี การ นำ คอมพิวเตอร์ และ เครื่อง มือ ประกอบ ช่วย ใน การ เรียน รู้ เช่น วีดิทัศน์ เครื่อง ฉาย ภาพ คอมพิวเตอร์ ช่วย สอน คอมพิวเตอร์ ช่วย จัด การ ศึกษา จัด ตาราง สอน คำนวณ ระดับ คะแนน จัด ชั้น เรียน ทำ รายงาน เพื่อ ให้ ผู้ บริหาร ได้ ทราบ ถึง ปัญหา และ การ แก้ ปัญหา ใน โรง เรียน ปัจจุบัน มี การ เรียน การ สอน ทาง ด้าน เทคโนโลยี สารสนเทศ ใน โรง เรียน มาก ขึ้น - เทคโนโลยี
สารสนเทศ กับ สิ่ง แวด ล้อม การ จัด การ ทรัพยากร ธรรมชาติ หลาย อย่าง จำ เป็น ต้อง ใช้ สารสนเทศ เช่น การ ดูแล รักษา ป่า จำเป็น ต้อง ใช้ ข้อ มูล มี การ ใช้ ภาพ ถ่าย ดาว เทียม การ ติด ตาม ข้อ มูล สภาพ อากาศ การ พยากรณ์ อากาศ การ จำลอง รูป แบบ สภาวะ สิ่ง แวด ล้อม เพื่อ ปรับ ปรุง แก้ ไข การ เก็บ รวม รวม ข้อ มูล คุณภาพ น้ำ ใน แม่ น้ำ ต่าง ๆ การ ตรวจ วัด มลภาวะ ตลอด จน การ ใช้ ระบบ การ ตรวจ วัด ระยะ ไกล มา ช่วย ที่ เรียก ว่า โทร มาตร เป็น ต้น - เทคโนโลยี
สารสนเทศ กับ การ ป้องกัน ประเทศ กิจการ ทาง ด้าน การ ทหาร มี การ ใช้ เทคโนโลยี อาวุธ ยุทโธปกรณ์ สมัย ใหม่ ล้วน แต่ เกี่ยว ข้อง กับ คอมพิวเตอร์ และ ระบบ ควบ คุม มี การ ใช้ ระบบ ป้องกัน ภัย ระบบ เฝ้า ระวัง ที่ มี คอมพิวเตอร์ ควบ คุม การ ทำ งาน - การ
ผลิต ใน อุตสาหกรรม และ การ พาณิช ย กรรม การ แข่ง ขัน ทาง ด้าน การ ผลิต สินค้า อุตสาหกรรม จำ เป็น ต้อง หา วิธี การ ใน การ ผลิต ให้ ได้ มาก ราคา ถูก ลง เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ เข้า มา มี บท บาท มาก มี การ ใช้ ข้อ มูล ข่าว สาร เพื่อ การ บริหาร และ การ จัด การ การ ดำเนิน การ และ ยัง รวม ไป ถึง การ ให้ บริการ กับ ลูกค้า เพื่อ ให้ ซื้อ สินค้า ได้ สะดวก ขึ้น
ประวัติอินเตอร์เน็ต
อินเตอร์เน็ตกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ.1969 หรือประมาณปี พ.ศ. 2512 โดยพัฒนามาจาก อาร์พาเน็ต (ARPAnet) ซึ่งเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายใต้ความรับผิดชอบของหน่วยงาน โครงการวิจัยขั้นสูง (Advanced Research Projects Agency) หรือเรียกชื่อ ย่อว่า อาร์พา (ARPA) ซึ่ง เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา (Department of Defense) จุดประสงค์ของโครงการอาร์พาเน็ต เพื่อสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่คงความสามารถในการติดต่อสื่อสารถึงกันได้ แม้ว่าจะมีบางส่วนของเครือข่ายไม่สามารถทำงานได้ก็ตาม
สำหรับ ภาคเอกชน ได้มีการก่อตั้งบริษัทสำหรับให้บริการอินเตอร์เน็ตแก่เอกชนและบุคคลทั่วไป ที่นิยมเรียกกันว่า ISP (Internet Service Providers)
เราลองคิดดูว่า เมื่อคอมพิวเตอร์ติดต่อสื่อสารกันนั้น อาจเป็นคอมพิวเตอร์จากเมืองไทย ติดต่อกับคอมพิวเตอร์ที่อเมริกา ซึ่งต้องมีความแตกต่างกันของชนิดเครื่องทาง Hardware และระบบปฏิบัติการ (Operating System) ทาง Software แล้วถ้าคิดถึงทั่วโลกย่อมต้องมีความหลากหลายทาง Hardware และ Software กันมากมาย แต่ทำไมปัจจุบันคอมพิวเตอร์จึงสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ คอมพิวเตอร์ในระบบอินเตอร์เน็ตนั้น จะมีภาษาสากลใช้สื่อสารกันโดยเฉพาะ คือเรียกว่ามี Protocol เฉพาะนั่นเอง ซึ่งเราเรียก Protocol เฉพาะนี้ว่า TCP/IP โดยย่อมาจากคำ ว่า Transmission Control Protocol (TCP) Internet Protocol (IP) นั่นเอง
ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์กราฟิก |
ในปี ค.ศ. 1940 คอมพิวเตอร์จะแสดงภาพกราฟิกโดยใช้เครื่องพิมพ์ โดยรูปภาพที่ได้จะเป็นภาพที่เกิดจากการใช้ตัวอักษรมาประกอบกัน ในปี ค.ศ. 1950 สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาซูเซสต์ ( Massachusetts Institue Technology : MIT] ได้พัฒนาคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีหลอดภาพ CRT(CathodeRayTube)เป็นส่วนแสดงผลแทนเครื่องพิมพ์เนื่องจากมีความต้องการ ที่จะให้การติดต่อระหว่างผู้ใช้ กับเครื่องคอมพิวเตอร์มีความเร็วยิ่งขึ้น ในปี ค.ศ. 1950 ระบบ SAGE (Semi - Automatic Ground Environment) ของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาสามารถแปลงสัญญาณจากเรดาร์ ให้เป็นภาพบนจอ คอมพิวเตอร์ได้ ระบบนี้เป็นระบบกราฟิก เครื่องแรกที่ใช้ปากกาแสง ( Light Pen : เป็นอุปกรณ์สำหรับรับข้อมูลชนิดหนึ่ง) สำหรับการเลือกสัญลักษณ์ บนจอภาพได้ ในปี ค.ศ. 1950 - 1960 มีการทำวิจัยเรื่องเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของ ระบบคอมพิวเตอร์กราฟิกสมัยใหม่ ตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ. 1963 วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของ อีวาน ซูเธอร์แลนด์ ( Ivan Sutherland) เป็นการพัฒนาระบบการวาดเส้น ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดจุดบนจอภาพได้โดยตรงโดยการใช้ปากกาแสง จากนั้นระบบกราฟิกจะสามารถลากเส้นเชื่อมจุดต่างๆ เหล่านี้เข้าด้วยกัน กลายเป็นภาพโครงสร้างรูปหลายเหลี่ยม ระบบนี้ได้กลายเป็นหลักการพื้นฐานของโปรแกรมช่วยในการออกแบบระบบงานต่างๆ เช่น การออกแบบระบบไฟฟ้า และการออกแบบเครื่องจักร เป็นต้น ในระบบหลอดภาพ CRT สมัยแรกนั้น เราสามารถวาดเส้นตรงระหว่างจุดสองจุดบนจอภาพได้ แต่ภาพเส้นที่วาดจะจางหายไปจากจอภาพอย่างรวดเร็ว จึงต้องมีการวาดซ้ำลงที่เดิมหลายๆ ครั้งในหนึ่งวินาที เพื่อให้เราสามารถมองเห็นว่า เส้นไม่จางหายไป ซึ่งระบบแบบนี้มีราคาแพงมากในช่วงต้นปี ค.ศ. 1960 แต่ต่อมาในปี ค.ศ. 1965 จึงมีราคาถูกลงเนื่องจากบริษัท ไอบีเอ็ม ( IBM) ได้ผลิตออกมาขายเป็นจำนวนมากในราคาเครื่องละ 100,000 ดอลลาร์ จากการที่ราคาของจอภาพถูกลงมากนี่เอง ทำให้สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิกเริ่มเป็นที่สนใจของคนทั่วไป นปี ค.ศ. 1968 บริษัท เทคโทรนิกส์ ( Tektronix) ได้ผลิตจอภาพแบบเก็บภาพไว้ได้จนกว่าต้องการจะลบ ( Storage - Tube CRT) ซึ่งระบบนี้ไม่ต้องการหน่วยความจำและระบบการวาดซ้ำ จึงทำให้ราคาถูกลงมาก บริษัทตั้งราคาขายไว้เพียง 15,000 ดอลลาร์เท่านั้น จอภาพแบบนี้จึงเป็นที่นิยมกันมากในช่วงเวลา 5 ปี ต่อมา กลางปี ค.ศ. 1970 เป็นช่วงเวลาที่อุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์เริ่มมีราคาลดลงมาก ทำให้ฮาร์ดแวร์ของระบบคอมพิวเตอร์กราฟิกมีราคาถูกลงตามไปด้วย ผู้ใช้ทั่วไปจึงสามารถนำมาใช้ในงานของตนได้ ทำให้การใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกเริ่มแพร่หลายไปในงานด้านต่างๆ มากขึ้น สำหรับซอฟต์แวร์ทางด้านกราฟิก ก็ได้มีการพัฒนาควบคู่มากับฮาร์ดแวร์เช่นกัน ซึ่งมีการเริ่มต้นจาก อีวาน ซูเธอร์แลนด์ ผู้ซึ่งได้ออกแบบวิธีการหลักๆ รวมทั้งโครงสร้างข้อมูลของระบบคอมพิวเตอร ์ กราฟิก ต่อมาก็มี สตีเฟน คูน ( Steven Coons, 1966) และ ปิแอร์ เบเซอร์ ( Pierre Bazier , 1972) ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับการสร้างเส้นโค้งและภาพพื้นผิว ทำให้ปัจจุบันเราสามารถสร้างภาพ 3 มิติ ได้สมจริงสมจัง มากขึ้น ในช่วง 10 ปีต่อมาได้มีการพัฒนาวิธีการสร้างภาพมากมายสำหรับใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ กราฟิก และปัจจุบันเราก็ได้เห็นผลงานที่สวยงามและแปลกตา ซึ่งเป็นผลจากการศึกษาวิจัยต่างๆ ในอดีตนั่นเอง ![]() |
วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554
ประวัติของคอมพิวเตอร์
ช่วงปี ค.ศ. 1930 ถึงช่วงปี ค.ศ. 1940 เป็นช่วงที่โลกได้มีคอมพิวเตอร์ที่สามารถโปรแกรมได้และคำนวณผลลัพธ์ได้มี ประสิทธิภาพจริง แต่เป็นการยากที่จะตัดสินได้ว่าคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกENIAC (Electronics Numerical Integrator and Computer) เกิดขึ้นในปี1946 และประดิษฐ์โดยจอห์น ดับลิว มอชลีย์ (John W. Mauchly) และ เจ เพรสเพอร์ เอคเกิรต (J. Prespern Eckert) ทำงานโดยใช้หลอดสุญญากาศจำนวน 18,000 หลอด มีน้ำหนัก 30 ตัน ใช้เนื้อที่ห้อง 15,000 ตารางฟุต เวลาทำงานต้องใช้กำลังไฟถึง 140 กิโลวัตต์ คำนวณในระบบเลขฐานสิบ
ค.ศ. 1941 เป็นครั้งแรกที่โลกได้มีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่สามารถตั้งโปรแกรม ได้อย่างอิสระ ผู้พัฒนาคือ Konrad Zuse และชื่อคอมพิวเตอร์คือ Z1 Computer
ค.ศ. 1941 จอห์น อตานาซอฟฟ์ และ คลิฟฟอร์ด เบอร์รี ที่ มหาวิทยาลัยไอโอวาสเตต ได้ร่วมกันสร้าง คอมพิวเตอร์ อตานาซอฟฟ์-เบอร์รี ซึ่งสามารถประมวลผลเลขฐานสอง
ค.ศ. 1944 John Presper Eckert และ John W. Mauchly ได้ร่วมกันสร้างอีนิแอก ซึ่งใช้หลอดสูญญากาศจำนวน 20,000 หลอด เพื่อสร้างหน่วยประมวลผล และถือได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยมีการประมวลผลแบบทศนิยม โดยหากต้องการตั้งโปรแกรมจะต้องต่อสายเชื่อมต่อเครื่องอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด
ค.ศ. 1948 Frederic Williams และ Tom Kilburn สร้างคอมพิวเตอร์ที่ใช้ หลอดรังสีคาโทด เป็นหน่วยความจำ
ค.ศ. 1947 ถึง 1948 John Bardeen, Walter Brattain และ Wiliam Shockley สร้างคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทราสซิสเตอร์ ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่สำคัญ
ค.ศ. 1951 John Presper Eckert และ John W. Mauchly ได้พัฒนา UNIVAC Computer ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่มีการขาย
ค.ศ. 1953 ไอบีเอ็ม (IBM) ออกจำหน่าย EDPM เป็นครั้งแรก และเป็นก้าวแรกของไอบีเอ็มในธุรกิจคอมพิวเตอร์
ค.ศ. 1954 John Backus และ IBM ร่วมกันสร้างภาษาคอมพิวเตอร์ชื่อ FORTRAN ซึ่งเป็นภาษาระดับสูง (high level programming language) ภาษาแรกในประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์
ค.ศ. 1955 (ใช้จริง ค.ศ. 1959) สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด, ธนาคารแห่งชาติอเมริกา, และ บริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริก ร่วมกันสร้าง ERMA และ MICR ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในธุรกิจธนาคาร
ค.ศ. 1958 Jack Kilby และ Robert Noyce เป็นผู้สร้าง Integrated Circuit หรือ ชิป(Chip) เป็นครั้งแรก
ค.ศ. 1962 สตีฟ รัสเซลล์ และ เอ็มไอที ได้พัฒนาเกมคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรกของโลกชื่อว่า "Spacewar"
ค.ศ. 1964 Douglas Engelbart เป็นผู้ประดิษฐ์เมาส์ และ ระบบปฏิบัติการแบบวินโดวส์
ค.ศ. 1969 เป็นปีที่กำเนิด ARPAnet ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ต
ค.ศ. 1970 อินเทล] พัฒนาหน่วยความจำชั่วคราวของคอมพิวเตอร์หรือ RAM เป็นครั้งแรก
ค.ศ. 1971 Faggin, Hoff และ Mazor พัฒนาไมโครโปรเซสเซอร์ตัวแรกของโลกให้อินเทล (Intel)
ค.ศ. 1971 Alan Shugart และ IBM พัฒนา ฟลอปปี้ดิสก์ เป็นครั้งแรก
ค.ศ. 1973 Robert Metcalfe และ Xerox ได้พัฒนาระบบอีเทอร์เน็ต (Ethernet) สำหรับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ค.ศ. 1974 ถึง ค.ศ. 1975 Scelbi และ Mark-8 Altair และ IBM ร่วมกันวางจำหน่ายคอมพิวเตอร์สำหรับผู้ใช้รายย่อยเป็นครั้งแรก
ค.ศ. 1976 ถึง ค.ศ. 1977 ถือกำเนิด Apple I, II และ TRS-80 และ Commodore Pet Computers ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นแรกๆ ของโลก
ค.ศ. 1981 ไมโครซอฟท์ วางจำหนาย MS-DOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมที่สุดในช่วงนั้น
ค.ศ. 1983 บริษัทแอปเปิล ออกคอมพิวเตอร์รุ่น Apple Lisa ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่ใช้ระบบ GUI
ค.ศ. 1984 บริษัทแอปเปิล วางจำหน่ายคอมพิวเตอร์รุ่น แอปเปิล แมคอินทอช ซึ่งทำให้มีการใช้คอมพิวเตอร์อย่างกว้างขวาง
ค.ศ. 1985 ไมโครซอฟท์ วางจำหน่าย ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ เป็นครั้งแรก
ค.ศ. 1941 จอห์น อตานาซอฟฟ์ และ คลิฟฟอร์ด เบอร์รี ที่ มหาวิทยาลัยไอโอวาสเตต ได้ร่วมกันสร้าง คอมพิวเตอร์ อตานาซอฟฟ์-เบอร์รี ซึ่งสามารถประมวลผลเลขฐานสอง
ค.ศ. 1944 John Presper Eckert และ John W. Mauchly ได้ร่วมกันสร้างอีนิแอก ซึ่งใช้หลอดสูญญากาศจำนวน 20,000 หลอด เพื่อสร้างหน่วยประมวลผล และถือได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยมีการประมวลผลแบบทศนิยม โดยหากต้องการตั้งโปรแกรมจะต้องต่อสายเชื่อมต่อเครื่องอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด
ค.ศ. 1948 Frederic Williams และ Tom Kilburn สร้างคอมพิวเตอร์ที่ใช้ หลอดรังสีคาโทด เป็นหน่วยความจำ
ค.ศ. 1947 ถึง 1948 John Bardeen, Walter Brattain และ Wiliam Shockley สร้างคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทราสซิสเตอร์ ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่สำคัญ
ค.ศ. 1951 John Presper Eckert และ John W. Mauchly ได้พัฒนา UNIVAC Computer ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่มีการขาย
ค.ศ. 1953 ไอบีเอ็ม (IBM) ออกจำหน่าย EDPM เป็นครั้งแรก และเป็นก้าวแรกของไอบีเอ็มในธุรกิจคอมพิวเตอร์
ค.ศ. 1954 John Backus และ IBM ร่วมกันสร้างภาษาคอมพิวเตอร์ชื่อ FORTRAN ซึ่งเป็นภาษาระดับสูง (high level programming language) ภาษาแรกในประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์
ค.ศ. 1955 (ใช้จริง ค.ศ. 1959) สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด, ธนาคารแห่งชาติอเมริกา, และ บริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริก ร่วมกันสร้าง ERMA และ MICR ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในธุรกิจธนาคาร
ค.ศ. 1958 Jack Kilby และ Robert Noyce เป็นผู้สร้าง Integrated Circuit หรือ ชิป(Chip) เป็นครั้งแรก
ค.ศ. 1962 สตีฟ รัสเซลล์ และ เอ็มไอที ได้พัฒนาเกมคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรกของโลกชื่อว่า "Spacewar"
ค.ศ. 1964 Douglas Engelbart เป็นผู้ประดิษฐ์เมาส์ และ ระบบปฏิบัติการแบบวินโดวส์
ค.ศ. 1969 เป็นปีที่กำเนิด ARPAnet ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ต
ค.ศ. 1970 อินเทล] พัฒนาหน่วยความจำชั่วคราวของคอมพิวเตอร์หรือ RAM เป็นครั้งแรก
ค.ศ. 1971 Faggin, Hoff และ Mazor พัฒนาไมโครโปรเซสเซอร์ตัวแรกของโลกให้อินเทล (Intel)
ค.ศ. 1971 Alan Shugart และ IBM พัฒนา ฟลอปปี้ดิสก์ เป็นครั้งแรก
ค.ศ. 1973 Robert Metcalfe และ Xerox ได้พัฒนาระบบอีเทอร์เน็ต (Ethernet) สำหรับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ค.ศ. 1974 ถึง ค.ศ. 1975 Scelbi และ Mark-8 Altair และ IBM ร่วมกันวางจำหน่ายคอมพิวเตอร์สำหรับผู้ใช้รายย่อยเป็นครั้งแรก
ค.ศ. 1976 ถึง ค.ศ. 1977 ถือกำเนิด Apple I, II และ TRS-80 และ Commodore Pet Computers ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นแรกๆ ของโลก
ค.ศ. 1981 ไมโครซอฟท์ วางจำหนาย MS-DOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมที่สุดในช่วงนั้น
ค.ศ. 1983 บริษัทแอปเปิล ออกคอมพิวเตอร์รุ่น Apple Lisa ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่ใช้ระบบ GUI
ค.ศ. 1984 บริษัทแอปเปิล วางจำหน่ายคอมพิวเตอร์รุ่น แอปเปิล แมคอินทอช ซึ่งทำให้มีการใช้คอมพิวเตอร์อย่างกว้างขวาง
ค.ศ. 1985 ไมโครซอฟท์ วางจำหน่าย ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ เป็นครั้งแรก
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)




